ขนมไทยมีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยคือ มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำ ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน
ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนบประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม
ขนมไทยที่นิยมทำกันทุกๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ เนื่องในการทำบุญเลี้ยงพระ ก็คือขนมจากไข่ และมักถือเคล็ดจากชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ งานสิริมงคลต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส ทำบุญวันเกิด หรือทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน เพื่อเป็นสิริมงคลของงานขนมก็จะมีฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว มีอายุยืน ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เฟื่องฟู ขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น
เนื้อหาของบทความนี้ จะกล่าวถึง ขนมฝอยทอง เป็น 1 ใน 9 ของ ขนมมงคล 9 อย่าง ประกอบด้วย ขนมชั้น ขนมจ่ามงกุฎ ขนมทองหยิบ ขนมทองหยอด ขนมฝอยทอง ขนมทองเอก ขนมเม็ดขนุน ขนมถ้วยฟู และขนมเสน่ห์จันทร์ ในเบื้องต้น ถึง วิธีการทำ ส่วนผสมค่ะ สำหรับท่านนักอ่าน สามารถนำไปปรับปรุงให้ได้รสชาติตามใจชอบ หรือนำไปพัฒนาสูตร สร้างสรรค์รูปทรง ออกแบบรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ พัฒนาต่อยอดเพื่อหารายได้ต่อไปค่ะ
ความหมาย ขนมมงคล 9 อย่าง
ขนมชั้น ขนมที่แสดงถึงการทำให้ชีวิตการทำให้ชีวิตอนาคตสูงขึ้นเรื่อยๆ
ขนมจ่ามงกุฎ ขนมที่แสดงถึงพระมหากษัตริย์พระราชทานให้แก่ข้าราชบริพารที่ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง
ขนมทองหยิบ ขนมที่แสดงถึงการหยิบจับอะไรเป็นเงินเป็น
ขนมทองหยอด ขนมที่แสดงถึงการจับวางอะไรเป็นเงินเป็น
ทองฝอยทอง ขนมที่แสดงถึงการทำให้ชีวิตยืนยาวเหมือนเส้นฝอยทอง
ขนมทองเอก ขนมที่แสดงถึงความเป็นหนึ่ง
ขนมเม็ดขนุน ขนมที่แสดงถึงหนุนเนื่องให้ชีวิตก้าวหน้า
ขนมถ้วยฟู ขนมที่แสดงถึงการทำกิจการค้าขายอะไรก็เฟื่องฟู
ขนมเสน่ห์จันทร์ ขนมที่แสดงถึงความมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น
ส่วนผสม ขนมฝอยทอง
- ไข่เป็ด 9 ฟอง
- น้ำตาลทราย 5 ถ้วย
- น้ำลอยดอกมะลิ 3 ถ้วย
- น้ำค้างไข่ 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีเตรียมน้ำค้างไข่
- น้ำค้างไข่ หรือน้ำต้อย คือน้ำหล่อเลี้ยงไข่แดง ช่วยประคองไม่ให้ไข่แดงติดเปลือก จะเกิดขึ้นเมื่อไข่ถูกเก็บไว้สัก 1-2 วัน วิธีแยกเอาน้ำค้างไข่ ทำได้โดยวางไข่ให้ส่วนแหลมอยู่ด้านล่างเพื่อให้น้ำค้างไข่ที่เกิดขึ้นไหลลงมาอยู่ส่วนแหลม เวลาตอกไข่ให้ตอกส่วนป้านของไข่โดยรอบ ค่อย ๆ เทไข่แดงและไข่ขาวออกจากเปลือก น้ำค้างไข่จะค้างอยู่ในเปลือก ให้เทแยกใส่ชามไว้ต่างหาก
- หากทำฝอยทองโดยใช้ไข่แดงล้วน ๆ ไข่แดงจะข้นมาก และไม่สามารถไหลออกจากกรวยที่มีรูเล็ก ๆ ได้ น้ำค้างไข่จะช่วยลดความเข้มข้นของไข่แดงและยังช่วยให้ไหลลื่นจากกรวยได้ง่ายด้วย
- วิธีที่ง่ายกว่านี้ในการแยกน้ำค้างไข่ก็คือ ตอกไข่ทั้งหมดใส่ชามไว้ นำไข่ทั้งชามไปเทกรองด้วยกระชอน ส่วนที่เป็นน้ำค้างไข่จะใสและไหลผ่านกระชอนลงมาเอง
วิธีทำขนมฝอยทอง ทีละขั้นตอน
- ต่อยไข่ใส่ชาม แยกไข่ขาวออกจากไข่แดง รีดเอาเยื่อออกให้หมด ผสมน้ำค้างไข่ตามอัตราส่วนไข่ 9 ฟองต่อน้ำค้างไข่ 3 ช้อนโต๊ะ
- ใส่น้ำตาลและน้ำลอยดอกมะลิลงในกระทะตั้งไฟ คนให้น้ำตาลละลาย พอเดือดปรับไฟให้แรงเฉพาะตรงกลางกระทะ แล้วเริ่มโรยฝอยทองได้
- ใส่ไข่แดงที่ผสมน้ำค้างไข่และคนเข้ากันดีแล้วลงในกรวยสำหรับโรยไข่ โรยลงในน้ำเชื่อมแบบวนรอบกระทะประมาณ 20 หรือ 30 รอบ แล้วแต่ว่าต้องการขนมแพเล็กหรือแพใหญ่ รอให้เดือด
- ใช้ส้อมตักขนมขึ้นด้วยการตักจากริมกระทะด้านหนึ่งไปฝั่งตรงข้ามแล้วจึงยกขึ้น
- ส่ายขนมในน้ำเชื่อมเพื่อให้เส้นฝอยทองเรียบแล้วพับทบให้สวยงามเรียงใส่จาน
หากบทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณ อย่าลืมทำสิ่งดีๆ แบ่งปันให้เพื่อนๆของคุณ โดยคลิกแชร์ด่านล่างค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น