วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ขนมฝอยทอง


ขนมไทยมีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยคือ มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำ ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน

ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนบประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม

ขนมไทยที่นิยมทำกันทุกๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ เนื่องในการทำบุญเลี้ยงพระ ก็คือขนมจากไข่ และมักถือเคล็ดจากชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ งานสิริมงคลต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส ทำบุญวันเกิด หรือทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน เพื่อเป็นสิริมงคลของงานขนมก็จะมีฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว มีอายุยืน ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เฟื่องฟู ขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น

                เนื้อหาของบทความนี้ จะกล่าวถึง ขนมฝอยทอง เป็น 1 ใน 9 ของ ขนมมงคล 9 อย่าง ประกอบด้วย ขนมชั้น ขนมจ่ามงกุฎ ขนมทองหยิบ ขนมทองหยอด ขนมฝอยทอง ขนมทองเอก ขนมเม็ดขนุน ขนมถ้วยฟู และขนมเสน่ห์จันทร์ ในเบื้องต้น ถึง วิธีการทำ ส่วนผสมค่ะ สำหรับท่านนักอ่าน สามารถนำไปปรับปรุงให้ได้รสชาติตามใจชอบ หรือนำไปพัฒนาสูตร สร้างสรรค์รูปทรง ออกแบบรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ พัฒนาต่อยอดเพื่อหารายได้ต่อไปค่ะ



ความหมาย ขนมมงคล 9 อย่าง

ขนมชั้น                                   ขนมที่แสดงถึงการทำให้ชีวิตการทำให้ชีวิตอนาคตสูงขึ้นเรื่อยๆ
ขนมจ่ามงกุฎ                          ขนมที่แสดงถึงพระมหากษัตริย์พระราชทานให้แก่ข้าราชบริพารที่ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง
ขนมทองหยิบ                         ขนมที่แสดงถึงการหยิบจับอะไรเป็นเงินเป็น
ขนมทองหยอด                      ขนมที่แสดงถึงการจับวางอะไรเป็นเงินเป็น
ทองฝอยทอง                         ขนมที่แสดงถึงการทำให้ชีวิตยืนยาวเหมือนเส้นฝอยทอง
ขนมทองเอก                          ขนมที่แสดงถึงความเป็นหนึ่ง
ขนมเม็ดขนุน                         ขนมที่แสดงถึงหนุนเนื่องให้ชีวิตก้าวหน้า
ขนมถ้วยฟู                              ขนมที่แสดงถึงการทำกิจการค้าขายอะไรก็เฟื่องฟู
ขนมเสน่ห์จันทร์                     ขนมที่แสดงถึงความมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น


ส่วนผสม ขนมฝอยทอง
  • ไข่เป็ด 9 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 5 ถ้วย
  •  น้ำลอยดอกมะลิ 3 ถ้วย
  • น้ำค้างไข่ 3 ช้อนโต๊ะ


วิธีเตรียมน้ำค้างไข่
  1. น้ำค้างไข่ หรือน้ำต้อย คือน้ำหล่อเลี้ยงไข่แดง ช่วยประคองไม่ให้ไข่แดงติดเปลือก จะเกิดขึ้นเมื่อไข่ถูกเก็บไว้สัก 1-2 วัน วิธีแยกเอาน้ำค้างไข่ ทำได้โดยวางไข่ให้ส่วนแหลมอยู่ด้านล่างเพื่อให้น้ำค้างไข่ที่เกิดขึ้นไหลลงมาอยู่ส่วนแหลม เวลาตอกไข่ให้ตอกส่วนป้านของไข่โดยรอบ ค่อย ๆ เทไข่แดงและไข่ขาวออกจากเปลือก น้ำค้างไข่จะค้างอยู่ในเปลือก ให้เทแยกใส่ชามไว้ต่างหาก
  2. หากทำฝอยทองโดยใช้ไข่แดงล้วน ๆ ไข่แดงจะข้นมาก และไม่สามารถไหลออกจากกรวยที่มีรูเล็ก ๆ ได้ น้ำค้างไข่จะช่วยลดความเข้มข้นของไข่แดงและยังช่วยให้ไหลลื่นจากกรวยได้ง่ายด้วย
  3. วิธีที่ง่ายกว่านี้ในการแยกน้ำค้างไข่ก็คือ ตอกไข่ทั้งหมดใส่ชามไว้ นำไข่ทั้งชามไปเทกรองด้วยกระชอน ส่วนที่เป็นน้ำค้างไข่จะใสและไหลผ่านกระชอนลงมาเอง


วิธีทำขนมฝอยทอง ทีละขั้นตอน
  1. ต่อยไข่ใส่ชาม แยกไข่ขาวออกจากไข่แดง รีดเอาเยื่อออกให้หมด ผสมน้ำค้างไข่ตามอัตราส่วนไข่ 9 ฟองต่อน้ำค้างไข่ 3 ช้อนโต๊ะ
  2. ใส่น้ำตาลและน้ำลอยดอกมะลิลงในกระทะตั้งไฟ คนให้น้ำตาลละลาย พอเดือดปรับไฟให้แรงเฉพาะตรงกลางกระทะ แล้วเริ่มโรยฝอยทองได้
  3. ใส่ไข่แดงที่ผสมน้ำค้างไข่และคนเข้ากันดีแล้วลงในกรวยสำหรับโรยไข่ โรยลงในน้ำเชื่อมแบบวนรอบกระทะประมาณ 20 หรือ 30 รอบ แล้วแต่ว่าต้องการขนมแพเล็กหรือแพใหญ่ รอให้เดือด
  4. ใช้ส้อมตักขนมขึ้นด้วยการตักจากริมกระทะด้านหนึ่งไปฝั่งตรงข้ามแล้วจึงยกขึ้น
  5. ส่ายขนมในน้ำเชื่อมเพื่อให้เส้นฝอยทองเรียบแล้วพับทบให้สวยงามเรียงใส่จาน











หากบทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณ อย่าลืมทำสิ่งดีๆ แบ่งปันให้เพื่อนๆของคุณ โดยคลิกแชร์ด่านล่างค่ะ


ขนมทองหยอด


ขนมไทยมีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยคือ มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำ ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน

ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนบประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม

ขนมไทยที่นิยมทำกันทุกๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ เนื่องในการทำบุญเลี้ยงพระ ก็คือขนมจากไข่ และมักถือเคล็ดจากชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ งานสิริมงคลต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส ทำบุญวันเกิด หรือทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน เพื่อเป็นสิริมงคลของงานขนมก็จะมีฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว มีอายุยืน ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เฟื่องฟู ขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น

                เนื้อหาของบทความนี้ จะกล่าวถึง ขนมทองหยอด เป็น 1 ใน 9 ของ ขนมมงคล 9 อย่าง ประกอบด้วย ขนมชั้น ขนมจ่ามงกุฎ ขนมทองหยิบ ขนมทองหยอด ขนมฝอยทอง ขนมทองเอก ขนมเม็ดขนุน ขนมถ้วยฟู และขนมเสน่ห์จันทร์ ในเบื้องต้น ถึง วิธีการทำ ส่วนผสมค่ะ สำหรับท่านนักอ่าน สามารถนำไปปรับปรุงให้ได้รสชาติตามใจชอบ หรือนำไปพัฒนาสูตร สร้างสรรค์รูปทรง ออกแบบรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ พัฒนาต่อยอดเพื่อหารายได้ต่อไปค่ะ



ความหมาย ขนมมงคล 9 อย่าง

ขนมชั้น                                   ขนมที่แสดงถึงการทำให้ชีวิตการทำให้ชีวิตอนาคตสูงขึ้นเรื่อยๆ
ขนมจ่ามงกุฎ                          ขนมที่แสดงถึงพระมหากษัตริย์พระราชทานให้แก่ข้าราชบริพารที่ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง
ขนมทองหยิบ                         ขนมที่แสดงถึงการหยิบจับอะไรเป็นเงินเป็น
ขนมทองหยอด                      ขนมที่แสดงถึงการจับวางอะไรเป็นเงินเป็น
ทองฝอยทอง                         ขนมที่แสดงถึงการทำให้ชีวิตยืนยาวเหมือนเส้นฝอยทอง
ขนมทองเอก                          ขนมที่แสดงถึงความเป็นหนึ่ง
ขนมเม็ดขนุน                         ขนมที่แสดงถึงหนุนเนื่องให้ชีวิตก้าวหน้า
ขนมถ้วยฟู                              ขนมที่แสดงถึงการทำกิจการค้าขายอะไรก็เฟื่องฟู
ขนมเสน่ห์จันทร์                     ขนมที่แสดงถึงความมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น

ส่วนผสม ขนมทองหยอด
     *  ไข่เป็ด 18 ฟอง
     * แป้งทองหยอด 1 ถ้วยตวง (หรือแป้งข้าวเจ้า)
     * น้ำตาลทราย 5 ถ้วยตวง
     * น้ำลอยดอกมะลิ 5 ถ้วยตวง


วิธีทำขนมทองหยอด ทีละขั้นตอน
  1. ผสมน้ำลอยดอกไม้กับน้ำตาลทรายลงในกระทะทองเหลือง แล้วนำไปตั้งไฟแรงให้เดือด เคี่ยวทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นจึงแบ่งน้ำเชื่อมส่วนหนึ่ง
  2. ต่อยไข่ แยกไข่ขาวออก ใช้เฉพาะไข่แดง โดยนำไข่แดงไปกรองในผ้าขาวบางเพื่อรีดเอาเยื่อออก จากนั้นจึงตีไข่แดงให้ขึ้นฟู จากนั้นค่อยๆผสม แป้งทองหยอดลงไปและคนให้แป้งและไข่แดงเข้ากัน
  3. นำไข่แดงที่ผสมแป้งเรียบร้อยไปหยอดในน้ำเชื่อม สำหรับวิธีหยอดนั้นให้ใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง หยิบส่วนผสมมาเป็นลูกขนาดพอประมาณ แล้วจึงหยอดลงไปในน้ำเชื่อม ทำเช่นนี้จนเต็มกระทะทองเหลือง จากนั้นรอจนทองหยอดสุกจึงตักออกมาพักใส่ในน้ำเชื่อมที่แยกไว้ก่อนหน้านี้ (ทองหยอดที่สุกจะลอยขึ้น)
  4. จัดทองหยอดใส่จานเสิร์ฟเป็นของว่างหรือของทานเล่นในวันพักผ่อนสบายๆ










หากบทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณ อย่าลืมทำสิ่งดีๆ แบ่งปันให้เพื่อนๆของคุณ โดยคลิกแชร์ด่านล่างค่

ขนมทองหยิบ


ขนมไทยมีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยคือ มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำ ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน

ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนบประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม

ขนมไทยที่นิยมทำกันทุกๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ เนื่องในการทำบุญเลี้ยงพระ ก็คือขนมจากไข่ และมักถือเคล็ดจากชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ งานสิริมงคลต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส ทำบุญวันเกิด หรือทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน เพื่อเป็นสิริมงคลของงานขนมก็จะมีฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว มีอายุยืน ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ขนมถ้วยฟู ก็ขอให้เฟื่องฟู  ขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น

                เนื้อหาของบทความนี้ จะกล่าวถึง ขนมทองหยิบ เป็น 1 ใน 9 ของ ขนมมงคล 9 อย่าง ประกอบด้วย ขนมชั้น ขนมจ่ามงกุฎ ขนมทองหยิบ ขนมทองหยอด ขนมฝอยทอง ขนมทองเอก ขนมเม็ดขนุน ขนมถ้วยฟู และขนมเสน่ห์จันทร์ ในเบื้องต้น ถึง วิธีการทำ ส่วนผสมค่ะ สำหรับท่านนักอ่าน สามารถนำไปปรับปรุงให้ได้รสชาติตามใจชอบ หรือนำไปพัฒนาสูตร สร้างสรรค์รูปทรง ออกแบบรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ พัฒนาต่อยอดเพื่อหารายได้ต่อไปค่ะ



ความหมาย ขนมมงคล 9 อย่าง

ขนมชั้น                                   ขนมที่แสดงถึงการทำให้ชีวิตการทำให้ชีวิตอนาคตสูงขึ้นเรื่อยๆ
ขนมจ่ามงกุฎ                          ขนมที่แสดงถึงพระมหากษัตริย์พระราชทานให้แก่ข้าราชบริพารที่ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง
ขนมทองหยิบ                         ขนมที่แสดงถึงการหยิบจับอะไรเป็นเงินเป็น
ขนมทองหยอด                      ขนมที่แสดงถึงการจับวางอะไรเป็นเงินเป็น
ทองฝอยทอง                         ขนมที่แสดงถึงการทำให้ชีวิตยืนยาวเหมือนเส้นฝอยทอง
ขนมทองเอก                          ขนมที่แสดงถึงความเป็นหนึ่ง
ขนมเม็ดขนุน                         ขนมที่แสดงถึงหนุนเนื่องให้ชีวิตก้าวหน้า
ขนมถ้วยฟู                              ขนมที่แสดงถึงการทำกิจการค้าขายอะไรก็เฟื่องฟู
ขนมเสน่ห์จันทร์                     ขนมที่แสดงถึงความมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น


ส่วนผสม ขนมทองหยิบ
     * ไข่เป็ด 8 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่แดง)
     * น้ำเปล่า 6 ถ้วยตวง
     * น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
(เคล็ดลับ : อัตราส่วนมาตรฐานทั่วไป น้ำ 1 ส่วน : น้ำตาล 1/2 ส่วน)



วิธีทำขนมทองหยิบ ทีละขั้นตอน
  1. ผสมน้ำเปล่าและน้ำตาลทรายลงในกระทะทองเหลือง นำไปตั้งบนไฟอ่อนจนละลายปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็นนำไปกรองด้วย ผ้าขาวบางหนึ่งครั้ง
  2. นำน้ำเชื่อมที่กรองแล้วไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง กะพอให้น้ำเชื่อมร้อนจัดแต่ไม่ให้เดือดพล่าน
  3. ใส่ไข่แดงลงในถ้วย ตีจนขึ้นฟู เมื่อน้ำเชื่อมร้อนได้ที่ ใช้ช้อนตักไข่แดงที่ตีจนฟู หยอดลงในน้ำเชื่อม ไข่จะแผ่เป็นวงกลม ใช้ช้อนกลับหน้าสักครั้งเพื่อให้สุกทั่วทั้งสองด้าน จากนั้นจึงตักขึ้น
  4. รอจนหายร้อน จึงจับจีบโดยใช้นิ้วมือหยิบ 5 หยิบแล้วใส่ลงในถ้วยตะไลหรือแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้











เป็นอย่างไรค่ะ ขนมชั้น ขนมไทยๆ บ้านเรา น่าตาสวยงาม น่ากินมากเลยใช่มั้ยคะ

หากบทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณ อย่าลืมทำสิ่งดีๆ แบ่งปันให้เพื่อนๆของคุณ โดยคลิกแชร์ด่านล่างค่ะ

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ขนมจ่ามงกุฎ


ขนมไทยมีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยคือ มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำ ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน

ในสมัยโบราณคนไทยจะทำขนมเฉพาะวาระสำคัญเท่านั้น เป็นต้นว่างานทำบุญ เทศกาลสำคัญ หรือต้อนรับแขกสำคัญ เพราะขนมบางชนิดจำเป็นต้องใช้กำลังคนอาศัยเวลาในการทำพอสมควร ส่วนใหญ่เป็น ขนบประเพณี เป็นต้นว่า ขนมงาน เนื่องในงานแต่งงาน ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมครก ขนมถ้วย ฯลฯ ส่วนขนมในรั้วในวังจะมีหน้าตาจุ๋มจิ๋ม ประณีตวิจิตรบรรจงในการจัดวางรูปทรงขนมสวยงาม

ขนมไทยที่นิยมทำกันทุกๆ ภาคของประเทศไทย ในพิธีการต่างๆ เนื่องในการทำบุญเลี้ยงพระ ก็คือขนมจากไข่ และมักถือเคล็ดจากชื่อและลักษณะของขนมนั้นๆ งานสิริมงคลต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส ทำบุญวันเกิด หรือทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่ก็จะมีการเลี้ยงพระกับแขกที่มาในงาน เพื่อเป็นสิริมงคลของงานขนมก็จะมีฝอยทอง เพื่อหวังให้อยู่ด้วยกันยืดยาว มีอายุยืน ขนมชั้นก็ให้ได้เลื่อนขั้นเงินเดือน ขนมถ้วยฟูก็ขอให้เฟื่องฟู ขนมทองเอกก็ขอให้ได้เป็นเอก เป็นต้น

              เนื้อหาของบทความนี้ จะกล่าวถึง ขนมจ่ามงกุฎ เป็น 1 ใน 9 ของ ขนมมงคล 9 อย่าง ประกอบด้วย ขนมชั้น ขนมจ่ามงกุฎ ขนมทองหยิบ ขนมทองหยอด ขนมฝอยทอง ขนมทองเอก ขนมเม็ดขนุน ขนมถ้วยฟู และขนมเสน่ห์จันทร์ ในเบื้องต้น ถึง วิธีการทำ ส่วนผสมค่ะ สำหรับท่านนักอ่าน สามารถนำไปปรับปรุงให้ได้รสชาติตามใจชอบ หรือนำไปพัฒนาสูตร สร้างสรรค์รูปทรง ออกแบบรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ พัฒนาต่อยอดเพื่อหารายได้ต่อไปค่ะ



ความหมาย ขนมมงคล 9 อย่าง

ขนมชั้น                                   ขนมที่แสดงถึงการทำให้ชีวิตการทำให้ชีวิตอนาคตสูงขึ้นเรื่อยๆ
ขนมจ่ามงกุฎ                          ขนมที่แสดงถึงพระมหากษัตริย์พระราชทานให้แก่ข้าราชบริพารที่ได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง
ขนมทองหยิบ                         ขนมที่แสดงถึงการหยิบจับอะไรเป็นเงินเป็น
ขนมทองหยอด                      ขนมที่แสดงถึงการจับวางอะไรเป็นเงินเป็น
ทองฝอยทอง                         ขนมที่แสดงถึงการทำให้ชีวิตยืนยาวเหมือนเส้นฝอยทอง
ขนมทองเอก                          ขนมที่แสดงถึงความเป็นหนึ่ง
ขนมเม็ดขนุน                         ขนมที่แสดงถึงหนุนเนื่องให้ชีวิตก้าวหน้า
ขนมถ้วยฟู                              ขนมที่แสดงถึงการทำกิจการค้าขายอะไรก็เฟื่องฟู
ขนมเสน่ห์จันทร์                     ขนมที่แสดงถึงความมีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น




ส่วนผสม ขนมจ่ามงกุฎ
  1. เม็ดแตงโมแกะแล้ว 1/2 ถ้วย 
  2. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  3. น้ำดอกมะลิ 1 ถ้วย
  4. ทองคำเปลวแท้ 2 แผ่น
  5. แป้งสาลี 1 ถ้วย
  6. ไข่แดงของไข่ไก่ 3 ฟอง

วิธีทำขนมจ่ามงกุฎ ทีละขั้นตอน
  1. เชื่อมน้ำตาล โดยใช้น้ำตาลกับน้ำดอกมะลิตั้งไฟให้เดือด กรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วตั้งไฟต่ออีก 5 นาที
  2. ล้างขัดกะทะทองเหลืองให้สะอาดเป็นเงา ตะแคงข้างหนึ่ง คั่วเม็ดแตงโมโดยใช้มือจุ่มลง ในน้ำเชื่อม แล้วกวาดไปมา จนน้ำตาลแห้งแล้ว ใช้มือจุ่มน้ำเชื่อม ทำเช่นนี้ต่อไป จนน้ำตาลเกาะเป็นหนามติดเม็ดแตงโมพองาม เก็บใส่ภาชนะอย่าให้อากาศเข้า
  3. ระหว่างที่กวาดเม็ดแตงโมอยู่นั้น ต้องตะแคงกะทะและใช้ ผ้าขาวบางเช็ดกะทะให้สะอาดอยู่เสมอ
  4. นวดแป้งกับไข่แดงจนนิ่มมือ ถ้ายังแห้งอยู่จึงเติมน้ำ แล้ว คลึงแป้งเป็นแผ่นบาง ๆ กดให้กลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร นำแผ่นแป้งที่ตัดแล้ว ใส่ในถ้วยตะไลใช้มือ กดเบา ๆ ให้เป็นรูปก้นถ้วยตะไล ใช้ส้อมจิ้มให้ทั่วจึงเอาไป อบพอสุกกลายเป็นแป้งรองขนม
  5. การทำมงกุฎ ให้เอาน้ำตาลทรายใส่หม้อเล็ก ๆ ใส่น้ำนิด หน่อย ตั้งไฟอ่อน ๆ พอน้ำตาลละลายเอาเม็ดแตงโมที่ กวาดไว้แล้วลงจุ่มให้น้ำตาลติดกับแป้งที่อบไว้รอบ ๆ
  6. ปั้นกลม ๆ วางตรงกลาง ใช้มีดปลายแหลมผ่าเป็น 6 พู เหมือนผลมะยม แล้วปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ เท่าเม็ดถั่วเขียววางบนยอดขนมที่ผ่าไว้ ใช้ทองคำเปลวตัดเป็น สี่เหลี่ยมชิ้นเล็ก ๆ แตะตรงยอดมองเห็นเหมือนมงกุฎ


** เคล็ดลับ **
1. การทำแป้งรองขนมจ่ามงกุฎนั้นบางครั้งก็ต้องเติมน้ำและบางครั้ง ก็ไม่ต้องเติม ทั้งนี้แล้วแต่น้ำในไข่ที่ใช้นั่นเอง
2. ทองคำเปลว ต้องแน่ใจว่าเป็นของแท้ เพราะถ้าเป็นของปลอม จะเป็นอันตรายมาก เนื่องจากสารตะกั่ว















เป็นอย่างไรค่ะ สำหรับขนมจ่ามงกุฎ ขนมไทยๆ บ้านเรา ประณีตสวยงาม มากๆ ถ้าได้กินคงอร่อยมากแน่เลยค่ะ

หากบทความนี้มีประโยชน์ต่อคุณ อย่าลืมทำสิ่งดีๆ แบ่งปันให้เพื่อนๆของคุณ โดยคลิกแชร์ด่านล่างค่ะ